คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับสังคมไทยบ้าง ?

อย่างที่ทราบกันดีว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2562 นี้จะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 7 ปีของคนไทย และถ้านับวังวนปมความขัดแย้งของสังคมไทยเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา การเลือกตั้งครั้งนี้ดูจะเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญว่าประเทศไทยจะเดินไปทางไหน แม้การเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีข้อกังขาถึงความเป็นอิสระและยุติธรรม (free and fair election ) หรือไม่ หรือจะเป็นเพียงพิธีกรรมในการสืบทอดอำนาจของเผด็จการทหาร กลุ่มการเมืองจารีตและกลุ่มทุนผูกขาด และกระบวนการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลหลังการเลือกตั้งยังเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้เราจะยังคาดหวังกับการเปลี่ยนแปลงอะไรได้จากการเลือกตั้งครั้งนี้ แน่นอนว่าทุกการเลือกตั้ง “ผลการเลือกตั้ง” คือสิ่งที่น่าสนใจที่สุด เพราะมันสามารถบ่งชี้ได้ว่าเสียงส่วนใหญ่ในสังคมไทยจะเดินไปในทิศทางไหน เราจะเดินไปบนเส้นทางที่ผู้มีอำนาจวาดวางไว้ให้ หรือเราจะเลือกเดินบนหนทางประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศ ผลการเลือกตั้งย่อมบอกได้อย่างแท้จริง และจากคะแนนเสียงที่จะเกิดขึ้น ความห่างกันของคะแนนระหว่างพรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการอนุรักษ์นิยมกับฝ่ายประชาธิปไตย จะช่วยคาดการณ์ว่าอนาคตของสังคมไทยนั้นจะยังสามารถเดินไปบนหนทางประชาธิปไตยได้มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะเสียงของคนรุ่นใหม่ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี – 26 ปี ที่มีจำนวนมากถึง 8,335,242 คน เสียงของคนรุ่นใหม่ที่เกิดมาในทศวรรษที่หายไปของสังคมไทย (ช่วงแห่งความขัดแย้งทางการเมือง) คนกลุ่มนี้ซึ่งเกิดและเติบโตขึ้นในยุคสมัยของความขัดแย้งทางการเมืองจะมีความคิดเห็นอย่างไร และพวกเขาจะยังเชื่อและพาสังคมไทยกลับไปสู่เส้นทางประชาธิปไตยหรือไม่ คาดการณ์ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องเป็นการเลือกตั้งที่มีคนออกไปใช้สิทธิ์มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เพราะมันเป็นการเลือกตั้งภายใต้ระบอบเผด็จการอำนาจนิยม กระนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เป็นโอกาสเดียวที่พลเมืองทุกคนจะได้แสดงบทบาท แสดงความเห็น เสนอแนะนโยบาย (ผ่านนโยบายพรรคที่เลือก) และส่งเสียงในการต่อรองเชิงอำนาจว่าเราคือประชาชนเจ้าของประเทศ สุดท้ายแม้การเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างได้ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการส่งเสียงของพลเมืองไทยว่าเราอยากจะมีอนาคตแบบไหน งานการเมืองไม่ใช่การทำงานระยะสั้นแต่คือการทำงานในระยะยาวเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างรวมถึงวัฒนธรรมที่ทำก่อให้เกิดความยุติธรรมทางสังคม คนทำงานทางการเมืองทั้งด้านการศึกษาและด้านต่างๆ จึงต้องเรียนรู้และขยับทิศทางในการทำงานของตนต่อไป